แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมยื่นข้อเสนอ 60 ล้านปอนด์ เพื่อขอซื้อตัว คิม มิน-แจ ปราการหลังนาโปลี โดยนี่เป็นจำนวนเงินที่สูงกว่าค่าฉีกสัญญาด้วยซ้ำ
สำนักข่าวคอร์ริเอเร เดลโล สปอร์ต รายงานว่า "ปีศาจแดง"แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมยื่นข้อเสนอ 60 ล้านปอนด์ เพื่อขอซื้อตัว คิม มิน-แจ ปราการหลัง "อัซซูรา"นาโปลี แห่งเซเรีย อา อิตาลี

มิน-แจย้ายจากเฟเนร์บาห์เช ในลีกตุรกี มาอยู่กับนาโปลีในฤดูกาลนี้ ซึ่งเจ้าตัวโชว์ฟอร์มโดดเด่นเป็นกำลังหลักในแนวรับของต้นสังกัด จนทำให้ "อัซซูรา" การันตีคว้าแชมป์เซเรีย อา มาครองได้เรียบร้อยแล้ว

จากผลงานดังกล่าว ทำให้มิน-แจได้รับการจับตามองมากขึ้น กระทั่งแมนฯ ยูไนเต็ดเป็นทีมล่าสุดที่มีข่าวโยงด้วย ซึ่งคาดว่าแข้งทีมชาติเกาหลีใต้รายนี้จะมีค่าฉีกสัญญาอยู่ที่ 45 ล้านยูโร มีผลเฉพาะทีมนอกอิตาลี และมีระยะเวลาเงื่อนไขระหว่างวันที่ 1-15 กรกฎาคม

อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ดต้องการแน่ใจว่าตัวเองจะอยู่เหนือกว่าคู่แข่งรายอื่น จึงพร้อมยื่นข้อเสนอที่สูงกว่าค่าฉีกสัญญา เพื่อดึงดูดใจให้นาโปลียอมเจรจาและปล่อยตัวมิน-แจได้ง่ายขึ้น

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ผู้จัดการทีม แมนฯ ซิตี้ แบะท่าว่าหวังต่อสัญญากับ อิลคาย กุนโดกัน แต่ต้องขึ้นอยู่กับสโมสรเช่นกันว่าจะเห็นดีเห็นงามกับไอเดียของเขาหรือไม่

กุนโดกัน สตาร์ทีมชาติ เยอรมัน กำลังจะหมดสัญญากับ เรือใบสีฟ้า ในวันที่ 30 มิ.ย. นี้ และเท่าที่ผ่านมาเชื่อกันว่าทีมเงินถังของ พรีเมียร์ลีก ยินดีปล่อยให้เขาย้ายสังกัด ขณะที่ตัวนักเตะก็พร้อมอำลาสังเวียนแข้ง เอติฮัด สเตเดี้ยม

อย่างไรก็ดี หลังตะบันสองประตูให้ แมนฯ ซิตี้ เฝ้าบ้านเอาชนะ ลีดส์ 2-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 6 พ.ค.  กุนซือเลือดกระทิงดุก็เปรยว่าต้องการให้ กุนโดกัน รับใช้สโมสรต่อไป

"สโมสรกำลังเดินเรื่องนี้อยู่ สโมสรรู้ความคิดของผม แต่สโมสรอยู่เหนือผม" กวาร์ดิโอล่า ตอบข้อถามของสื่อ

"เราจะทำงานร่วมกัน เราตัดสินใจร่วมกันเสมอไม่ว่าจะดีหรือร้าย"

"กุนโด ยิงได้สองประตู เขาเล่นได้ดีในวันนี้จากการหาพื้นที่ เขาวิ่งเข้าสู่พื้นที่สุดท้ายยได้อย่างเหลือเชื่อ มันแสดงให้เห็นถึงความฉลาดของเขา"

"ไม่จำเป็นต้องเล่นได้ดีและยิงได้สองประตูในเกมนี้ก็เป็นที่รู้กันดีว่าผมชอบเขา ผมสนุกที่ได้ร่วมงานกับเขา และผมอยากร่วมงานกับเขาอีกในอนาคต"

ทั้งนี้ กุนโดกัน ตกเป็นข่าวกับ บาร์เซโลน่า เนื่องจากอดีตมหาเศรษฐีแห่ง ลา ลีกา มองหานักเตะที่สามารถย้ายทีมได้แบบไม่มีค่าตัว แต่ อิลฮาน ลุงของเขาซึ่งทำหน้าที่เป็นเอเยนต์ให้หลานยืนยันว่ายังไม่มีการตัดสินใจถึงอนาคต

เท็ดดี้ เชอริงแฮม ระบุ อันโตนี่ ปีก แมนฯ ยูไนเต็ด ยังต้องเรียนรู้วิธีการเล่นใน พรีเมียร์ลีก เพิ่มอีก โดยบอกด้วยว่าถ้าเป็นยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แล้วนั้น อดีตบรมกุนซือชาวสกอตต์ก็ไม่ชอบปีกสไตล์แบบนี้เท่าไหร่

เท็ดดี้ เชอริงแฮม อดีตยอดกองหน้าชาวอังกฤษ กล่าวว่า อันโตนี่ ปีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังจำเป็นต้องเรียนรู้วิธีการเล่นในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เพิ่มอีก หากหวังที่จะมีผลงานที่ยอดเยี่ยมกับ "ปีศาจแดง"

แมนฯ ยูไนเต็ด ดึงตัว อันโตนี่ มาจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อช่วงซัมเมอร์ ปีก่อน ด้วยดีลที่มีโอกาสจะพุ่งไปสูงถึง 100 ล้านยูโร (ประมาณ 3,700 ล้านบาท) แต่จนถึงตอนนี้แข้งวัย 23 ปีก็ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มได้สมกับราคานั้น

เชอริงแฮม กล่าวว่า "ผมอยากได้ยินจังว่า เฟอร์กี้ (เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน) จะคิดยังไงเกี่ยวกับ อันโตนี่ สมัยก่อนเมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องรับมือกับปีกแบบนี้น่ะ เฟอร์กี้ มักจะเรียกคนแบบนั้นว่าพวก -ทำหวือหวานิดๆ- เพราะคนพวกนั้นเป็นปีกที่วิ่งไปวิ่งมา, หายจากเกมไปดื้อๆ เป็นเวลานาน และโชว์ลูกเล่นที่ไม่จำเป็น แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถทำประตูสุดสวยได้ทุกเมื่อ"

"เขาไม่ใช่นักเตะสไตล์ที่ เฟอร์กี้ ชอบน่ะนะ เฟอร์กี้ ชอบให้ปีกของเขาเล่นแบบคงเส้นคงวามากกว่าที่ อันโตนี่ ทำได้ ผมรู้ดีว่าเขาทำประตูสวยๆ ได้บ้าง, ยิงลูกที่สำคัญๆ ได้บ้าง และเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ด้วย แต่ผมคิดว่าเขาจำเป็นต้องเรียนรุ้เกี่ยวกับการเล่นใน พรีเมียร์ลีก อีกสักนิด พูดไปมันก็แอบคล้ายกับตอนที่ โรนัลโด้ มาอยู่กับทีมในช่วงแรกๆ นั่นแหละ"

ไมกาห์ ริชาร์ดส์ ระบุ คาร์ลอส เตเวซ ถึงขั้นเคยต่อย แว็งซ็องต์ กอมปานี มาแล้ว ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี

ไมกาห์ ริชาร์ดส์ อดีตกองหลัง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษืใหญ่แห่งเวที พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เปิดเผยว่า คาร์ลอส เตเวซ ถึงขั้นเคยต่อย แว็งซ็องต์ กอมปานี สมัยที่ทั้งหมดยังอยู่กับ "เรือใบสีฟ้า"

เตเวซ และ กอมปานี ต่างก็ถูกยกให้เป็นกำลังหลักของ แมนฯ ซิตี้ ในช่วงที่พวกเขายังอยู่กับทีมจนทำให้สโมสรได้แชมป์ในระดับหนึ่ง และมันก็ทำให้ทั้งคู่ถือเป็นขวัญใจของแฟนบอลที่นั่น

ริชาร์ดส์ กล่าวระหว่างไปร่วมรายการหนึ่งว่า "เตเวซ กับ กอมปานี เคยทะเลาะกัน สถานการณ์มันแปลกพอตัวเพราะตอนนั้นเราพยายามรั้งตัว กอมปานี เอาไว้ เนื่องจากเวลาเขาโกรธน่ะเขาจะลุยเต็มที่ แล้วจากนั้น เตเวซ ก็ทำอย่างนั้น (ต่อย กอมปานี) ซึ่งตัว กอมปานี ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากเรารั้งตัวเขาเอาไว้อยู่"

หลังโดนถามเพิ่มว่า เตเวซ ต่อยไปเยอะแค่ไหนนั้น อดีตแข้งชาวอังกฤษก็บอกว่า "สัก 2-3 หมัดได้ ประเด็นก็คือ กอมปานี ไม่ติดใจอะไรมากนัก"

เปิด 5 สถิติที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ ยังมีโอกาสทำลายในฤดูกาลนี้ หลังเพิ่งยิงแซง แอนดี้ โคล และ อลัน เชียเรอร์ กลายเป็นผู้เล่นที่ถล่มประตูมากสุดใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นเดียว

เออร์ลิง ฮาลันด์ กองหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำสถิติกลายเป็นนักเตะที่ทำประตูมากสุดต่อหนึ่งฤดูกาลในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก หลังยิงประตูที่ 35 ในเกมล่าสุดที่ "เรือใบสีฟ้า" เปิดบ้านชนะ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 3-0 เมื่อวันพุธที่ 3 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

หัวหอกทีมชาตินอร์เวย์ วัย 22 ปี ก้าวแซง แอนดี้ โคล (1993/94) และ อลัน เชียเรอร์ (1994/95) ที่ทำได้ 34 ประตู ในยุคที่ พรีเมียร์ลีก แข่งขัน 42 เกมต่อฤดูกาล

หากนับแค่ในยุคตั้งแต่ที่ พรีเมียร์ลีก เปลี่ยนมาเล่นกัน 38 นัด ฮาลันด์ ก็ครองสถิติตั้งแต่ทำประตูได้ในเกมที่แมนฯ ซิตี้ ชนะ อาร์เซน่อล 4-1 เมื่อวันพุธที่ 26 เม.ย. ที่ผ่านมา หลังยิงแซง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เคยยิงได้ 32 ลูกจากการลงเล่นให้ ลิเวอร์พูล 36 เกม เมื่อฤดูกาล 2017/18

"เรือใบสีฟ้า" ยังเหลือเกมลงเล่น พรีเมียร์ลีก อีก 5 นัด รวมทั้งจะเจอ เรอัล มาดริด ในถ้วย แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบรองชนะเลิศ และนี่คืออีก 5 สถิติ ที่ ฮาลันด์ ยังมีโอกาสทำลาย

1. ยิงจำนวนเกมเยอะสุด

สถิติยิงจำนวนเกมมากสุดใน พรีเมียร์ลีก ถ้าตอนเล่นกัน 42 นัดอยู่ที่ 26 เกม (แอนดี้ โคล) แต่หากเป็นระบบเล่นกัน 38 นัด อยู่ที่  24 เกม (โม ซาลาห์)

ตอนนี้ ฮาลันด์ ยิงไปแล้ว 22 เกม และถ้าอีก 5 เกมที่เหลือสามารถทำประตูได้ทุกนัดก็จะก้าวขึ้นมาครองสถิติใหม่ทันที

2. แฮตทริกมากสุด

สถิติทำแฮตทริกมากสุดใน พรีเมียร์ลีก ซีซั่นเดียวเป็นของ อลัน เชียเรอร์ ตำนานดาวยิง นิวคาสเซิ่ล ที่ทำได้ 5 ครั้ง (โคเวนทรี, ฟอเรสต์, เวสต์แฮม, โบลตัน และ สเปอร์ส)

เวลานี้ ฮาลันด์ ทำไปแล้ว 4 แฮตทริกใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลแรก (คริสตัล พาเลซ, ฟอเรสต์, แมนฯ ยูไนเต็ด และ วูล์ฟส์) ทำให้ถ้าทำอีก 1 ครั้งจะทาบสถิติ และถ้าทำ 2 ครั้งก็จะครองสถิติใหม่แต่เพียงผู้เดียว

3. ทำประตูมากสุดใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลเดียว

คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อดีตกองหน้า เรอัล มาดริด เป็นคนครองสถิติทำประตูมากสุดใน แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลเดียว หลังทำได้ 17 ลูกเมื่อซีซั่น 2013/14

ขณะที่ ฮาลันด์ ยิงในเกมยุโรปซีซั่นนี้ไปแล้ว 12 ประตู โดยแบ่งเป็นรอบแบ่งกลุ่ม 5 ลูก และรอบน็อกเอาต์ 7 ลูก

4. ประตูและแอสซิสต์รวมกันมากสุดใน พรีเมียร์ลีก ฤดูกาลเดียวสถิติยิงประตูบวกแอสซิสต์รวมกันมากสุดใน พรีเมียร์ลีก ถ้าตอนเล่นกัน 42 นัดอยู่ที่ 47 (อลัน เชียเรอร์, แอนดี้ โคล) แต่หากเป็นระบบเล่นกัน 38 นัด อยู่ที่ 44 (เธียร์รี่ อองรี)

เชียเรอร์ และ โคล ทำได้ 34 ประตูกับ 13 แอสซิสต์เหมือนกัน ส่วน อองรี ทำได้ 24 ประตูกับ 20 แอสซิสต์ เมื่อฤดูกาล 2002/03

ขณะที่ ฮาลันด์ ทำไปแล้ว 42 (35 ประตู 7 แอสซิสต์) ยังมีโอกาสทำลายสถิตินี้เช่นกัน

5. ทำประตูเยอะสุดในฤดูกาลแรกที่ลงเล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษ

ฮาลันด์ ยิงไปแล้ว 35 ลูกทำลายสถิติยิงประตูเยอะสุดในฤดูกาลแรกที่ลงเล่น พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว หลังก่อนหน้านี้สถิติเป็นของ เควิน ฟิลลิปส์ ที่ทำไว้ 30 ประตูตอนมาเล่นให้ ซันเดอร์แลนด์ เมื่อซีซั่น 1999/2000

แต่หากนับรวมตั้งแต่ก่อนยุค พรีเมียร์ลีก นักเตะที่ทำประตูเยอะสุดในฤดูกาลแรกที่ลงเล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษ คือ เดฟ ฮัลลิเดย์ ที่ทำให้ ซันเดอร์แลนด์ 38 ประตูตั้งแต่สมัยหลังจบสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือทีม เชลซี ยอมรับตามตรงว่าเกมจบตั้งแต่ครึ่งแรกแล้วหลัง อาร์เซน่อล มีสกอร์นำขาด 3-0 ก่อนคว้าชัยไปด้วยสกอร์ 3-1 ในการฟาดแข้งฟุตบอล พรีเมียร์ลีก เกม ลอนดอนดาร์บี้แมตช์ ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เมื่อวันอังคารที่ 2 พ.ค.

แลมพาร์ด หนีไม่พ้นต้องสานต่อผลงานแพ้รวดหกนัดในทุกรายการหลังจาก สิงห์บลูส์ บุกมาเสียท่าให้กับทีม ปืนใหญ่ อย่างง่ายดาย 3-0 ใน 45 นาทีแรกจากสองประตูของ มาร์ติน โอเดการ์ด ในนาทีที่ 18 และ 31 ก่อนที่ กาเบรียล เชซุส จะซัดเพิ่มได้ในนาทีที่ 34  ขณะที่ทีมเยือนมาได้ลูกตีไข่แตกจาก โนนี่ มาดูเอเก้ ในนาทีที่ 65

"มันไม่ดีพอสำหรับครึ่งแรก มันยืนยันให้เห็นจากผลลัพธ์ เราดีขึ้นมากในครึ่งหลัง แต่มันไม่ดีพอในครึ่งแรก" แลมพาร์ด เอ่ยหลังจบเกมซึ่ง อาร์เซน่อล กลับไปนำเป็นจ่าฝูงได้อีกหนด้วยการมีแต้มเหนือ แมนฯ ซิตี้ สองแต้ม แต่ลงเล่นมากกว่าสองนัด

"เราเป็นทีมที่เล่นด้วยได้ง่ายมากในทุกๆมิติของครึ่งแรก ครึ่งหลังเราเล่นกันเป็นทีมได้ดีขึ้น เรามีความอันตรายในแดนหน้า ครึ่งแรกเราเล่นด้วยได้ง่ายมาก"

"มันเป็นเรื่องที่ลำบากเพราะคุณต้องการชนะ แต่มันเป็นงานของเรา เราจะทำงานกันต่อ"

"เชลซี ประสบความสำเร็จมากว่า 20 ปีทั้งในประเทศ และ  แชมเปี้ยนส์ลีก ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในสถานภาพนั้น เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงมันได้ในชั่วข้ามคืน แต่เราต้องดีขึ้นอย่างรวดเร็วให้ได้เพราะเรามีอีกเกมรออยู่ในสุดสัปดาห์"

"เราต้องคิดถึงตัวเอง และโชว์ฟอร์มให้ได้ เราต้องหาเหตุผลให้ได้อย่างรวดเร็ว มันไม่มีทางแก้ไขได้ในชั่วข้ามคืน"

"เราต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องให้ได้ อาร์เซน่อล สร้างทีมมาสามปี พวกเขาทำงานกันได้ตามแนวทาง สำหรับผมเป็นไปไม่ได้ในเวลาสามสัปดาห์ ปัญหาไม่มีอะไรซับซ้อน เราต้องทำสิ่งต่างๆที่เป็นเรื่องเบสิกให้ดีกว่านี้ และจากนั้นเราก็จะพัฒนาขึ้นทีละน้อย"

"ฟุตบอลเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว มันเป็นเรื่องของฟอร์มการเล่น ผมไม่เชื่อว่านักเตะไม่แคร์ ผมไม่เชื่อเด็ดขาด"

ดีน สมิธ ผู้จัดการทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ยอมรับตามตรงว่า เดอะ ฟ็อกซ์ เล่นกันได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่เขาเข้ามารับตำแหน่งในเกม พรีเมียร์ลีก แมตช์เฝ้าบ้านเสมอกับ เอฟเวอร์ตัน 2-2 ที่สนาม คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เมื่อวันจันทร์ที่ 1 พ.ค.

เลสเตอร์ ซึ่งยังต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นเช่นเดียวกับ เอฟเวอร์ตัน ไม่อาจอาศัยความเป็นเจ้าบ้านเก็บสามแต้มเต็มได้โดยแม้พวกเขาจะยิงประตูแซงทีมเยือนเป็น 2-1 ได้ และน่าจะหนีเป็น 3-1 ก่อนจบครึ่งแรก แต่ เจมส์ แมดดิสัน สังหารลูกโทษได้อย่างเลวร้ายโดยเลือกยิงไปกลางประตูจนโดน จอร์แดน พิคฟอร์ด เซฟได้สำเร็จ

และในที่สุด ทีมลูกอมซึ่งบุกได้น่ากลัวกว่าแทบตลอดทั้งเกมก็แชร์แต้มได้จากประตูตีเสมอ 2-2 ของ อเล็กซ์ อิโวบี้ ในนาทีที่ 54 ซึ่งรวมแล้วในเวลา 90 นาที ทีมเยือนมีโอกาสยิงประตูเป็นชุดถึง 23 ครั้ง แต่เจ้าถิ่นได้นายทวาร แดเนี่ยล ไอเวอร์เซ่น เซฟลูกอันตรายหลายหนพาทีมคว้าหนึ่งแต้มแบบเจียนอยู่เจียนไป

"เราเป็นรองในช่วงครึ่งแรก ผมอยากให้เราเล่นด้วยความรัดกุมกว่านั้น เรารู้ว่าเราต้องป้องกันบอลจังหวะสอง เราไม่อาจคุมพื้นที่ในแดนของเราได้ดีพอ" สมิธ เอ่ย

"เรากลับมาได้ดีซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องการ และเรามีโอกาสที่ดีในครึ่งหลัง"

"ซีซั่นนี้ไม่มีความชัดเจนเอาซะเลย เรายังมีอีก 12 แต้มให้ได้เล่น"

"บางทีมันน่าจะเป็นเกมที่แย่ที่สุดที่เราเล่นในสี่เกมที่ผ่านมา สิ่งที่สำคัญก็คือคุณไม่แพ้เกมนี้"

"เราเป็นรองแทบตลอดทั้งเกม มันกลายเป็นเกมบาสเก็ตบอล เราคอนโทรลเกมไม่ได้เลย"

"มันเป็นลูกโทษที่หน่อมแน้ม แต่ผมเข้าใจได้ว่าทำไมมันจึงเป็นลูกโทษ วาร์ดี้ กลับมาเป็นคนเดิมแล้วจากการวิ่งที่อันตรายของเขา ผมพอใจเขามาก เขากลับมายิงประตูได้แล้ว"

"เราต้องหาแนวทางการเล่นให้ แมดดิสัน ตอนที่เราย้ายเขามาเล่นข้างใน เราเริ่มเล่นได้อย่างที่เราต้องการ"

ต่อข้อถามว่าทำไม แมดดิสัน ได้ทำหน้าที่ยิงลูกโทษ สมิธ กล่าวว่า "มันเป็นเรื่องธรรมดา เขายิงลูกโทษได้ เคล อิเฮียนาโช่ ยิงในเกมที่ แมนฯ ซิตี้ และยิงอีกหนกับ วูล์ฟส์ นายทวารกล้าหาญมากที่ยืนนิ่ง ผมคิดว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่แฟร์ดี"

สุดท้ายแล้ว สมิธ ตอบข้อถามว่า แมดดิสัน จะได้ทำหน้าที่ยิงลูกโทษอีกหรือไม่ "เราต้องรอดูกัน เราต้องดูในการซ้อม มันเป็นความท้าทาย เรารู้ว่าผลลัพธ์วันนี้ไม่ได้สรุปถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เราหลุดจากสามอันดับสุดท้ายแล้ว ยังมีสี่เกมและ 12 แต้มให้ได้เล่น"

พอล เมอร์สัน ตำนานกองกลางอาร์เซน่อล กระตุ้นทัพ "ไอ้ปืนใหญ่" ต้องพยายามเซ็นสัญญาคว้าตัว ไอแวน โทนี่ย์ กองหน้าตัวเก่งของ เบรนท์ฟอร์ด มาร่วมทัพในช่วงซัมเมอร์นี้ให้ได้ ชี้นี่คือนักเตะที่เหมาะกับทีมอย่างแท้จริง

อาร์เซน่อล กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบากสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ หลังพวกเขาบุกไปโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถลุง 1-4 เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ แถมล่าสุด "เรือใบสีฟ้า" เฉือน ฟูแล่ม 2-1 วันอาทิตย์ ส่งให้แซง "เดอะ กันเนอร์ส" ขึ้นไปรั้งจ่าฝูงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมอร์สัน เปิดใจว่า อาร์เซน่อล ควรจะมีออปชั่นในแนวรุกเพิ่มขึ้น และเชื่อว่า โทนี่ย์ เป็นนักเตะที่มีศักยภาพไม่ยิ่งหย่อนกว่า กาเบรียล เชซุส "ผมมองไม่เห็นความแตกต่างระหว่างเขา (ไอแวน โทนี่ย์) กับ (กาเบรียล) เชซุส ผมไม่รู้นะ แต่ถ้าผมอยู่กับ อาร์เซน่อล ผมจะดึงตัวเขามาร่วมทีม"

"เขาเหมาะกับ อาร์เซน่อล ที่สุด บางครั้งคุณไม่สามารถที่จะใช้งาน เชซุส ได้ยาวนาน แต่คุณสามารถใช้งาน โทนี่ย์ ยาวๆ ได้เลย เขาเล่นลูกโด่งได้ดี, ฉลาดหลักแหลม เขาไม่ใช่ แฮร์รี่ เคน แต่เขาสามารถทำหน้าที่ได้แบบ แฮร์รี่ เคน เขาสามารถขยับลงมาต่ำเพื่อคอยรับบอล และผ่านบอล หรือหาพื้นที่ว่างเพื่อผ่านบอลก็ได้" เมอร์สัน ระบุ

ทั้งนี้ โทนี่ย์ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นให้กับทัพ "ผึ้งน้อย" มาตลอด โดยในฤดูกาลนี้ตะบันไปแล้ว 20 ประตูในลีก และมีเพียงแค่ เออร์ลิง ฮาลันด์ (33 ประตู) หัวหอกแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เคน (24 ประตู) ดาวเตะท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ เท่านั้นที่ยิงประตูในลีกได้มากกว่าเขา

ชีคห์ ยาสซิม บิน ฮาหมัด อัล-ธานี่ จากกาตาร์ ได้ยื่นข้อเสนอครั้งสุดท้ายด้วยจำนวนเงินเป็นสถิติโลกเพื่อขอเทคโอเวอร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา จากการเปิดเผยของ "สกาย สปอร์ตส์" สื่อชั้นนำในประเทศอังกฤษ

นักธุรกิจชาวกาตาร์ วัย 63 ปี ซึ่งแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่อายุ 10 ขวบ แสดงความสนใจอยากซื้อสโมสรอันเป็นที่รักต่อจากตระกูลเกลเซอร์ โดยเคยยื่นข้อเสนอแข่งกับ เซอร์ จิม แร็ตคลิฟฟ์ มหาเศรษฐีของสหราชอาณาจักร มาแล้ว 2 ครั้งก่อนหน้านี้

สำหรับการยื่นข้อเสนอครั้งล่าสุดนั้น "สกาย สปอร์ตส์" ยืนยันว่า "ท่านชีคห์ ยาสซิม" ได้ทุ่มเงินยั่วใจมากกว่า 5,000 ล้านปอนด์ (ราว  210,000 ล้านบาท) เป็นครั้งสุดท้ายให้กับตระกูลเกลเซอร์พิจารณา ก่อนเส้นตายเวลา 22.00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา

คาเวห์ โซลเฮโคล หัวหน้าฝ่ายข่าว สกาย สปอร์ตส์ เผยว่า "ข้อเสนอดังกล่าวถูกยื่นให้พิจารณาในช่วงเกือบเส้นตายพอดิบพอดี มูลค่ามากกว่า 5,000 ล้านปอนด์ นอกจากเงินที่ยื่นให้ตระกูลเกลเซอร์แล้ว ชีคห์ ยาสซิม ยังเตรียมเงินก้อนใหญ่เพื่อนำไปใช้ในการเสริมทัพ, ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน อาทิเช่นสนามแข่งเป็นต้น และนำไปใช้จ่ายเพื่อชุมชนท้องถิ่นด้วย"

"หลายๆ คนที่ใกล้ชิดกับท่านชีคห์ บอกกับผมว่าพวกเขาเชื่อมั่นว่านี้คือข้อเสนอที่ดีที่สุด นี่คือการทำเพื่อสโมสร 100 เปอร์เซนต์ โดยทีมจะไม่มีหนี้สิน และยังมีเงินเพื่อนำไปใช้จ่ายไม่ใช่แค่สำหรับ เอริค เทน ฮาก แต่ยังเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่รอบๆ สโมสร เหมือนกับที่ แมนฯ ซิตี้ ทำให้กับเมืองแมนเชสเตอร์"

"พวกเขาเชื่อว่านี่เป็นข้อเสนอที่ดีที่สุด เป็นข้อเสนอสุดท้ายที่พวกเขาจะยื่นแล้ว ตอนนี้มันขึ้นอยู่กับตระกูลเกลเซอร์ พวกเขาจะจริงจังในการขาย แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยข้อเสนอเป็นสถิติโลกหรือไม่ ? มันไม่ใช่ว่านี่คือสิ่งที่สุดพิเศษสำหรับพวกเขา และเล็งเห็นการสร้างกำไรมหาศาลเท่านั้น แต่กลุ่มทุนกาตาร์เชื่อว่านี่คือข้อเสนอที่เหมาะสำหรับสโมสรแห่งนี้" โซลเฮโคล ระบุ

บทความคล้ายกัน : https://sbobetforum.net/index.php?topic=668.0