[สายตรงบ้านผลบอล]

การกลับมาติดทีมชาติไทย อีกครั้งของ จักรพันธ์ แก้วพรม และ สุมัญญา ปุริสาย นับเป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี กับอีก 3 เดือน ที่ทั้งคู่หายจากลิสต์รายชื่อทัพช้างศึก

หนสุดท้ายที่สองคนนี้ลงสนามในนามทีมชาติคือเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก ที่บินไปแข่งขัน ณ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อเดือนมิถุนายน 2021 โน่นเลย

มันคลาสสิกตรงที่ ทั้ง จักรพันธ์ และ สุมัญญา พอหมดจากทัวร์นาเมนต์นั้นก็ไม่ได้รับใช้ทัพช้างศึกอีกเลย ซึ่งมันเกิดขึ้นในห้วงเวลาพร้อมๆ กัน

สุมัญญา ในวัยใกล้ 36 โลดแล่นเมืองไทย มายาวนาน เขาพิสูจน์ให้ทุกคนยอมรับแล้วว่าตนเองคือหนึ่งในนักเตะที่เก่งที่สุดของสยามประทศ โดยมีรางวัล "ผู้เล่นทรงคุณค่า" ของ ไทยลีก การันตีถึง 2 ครั้ง

ขณะที่ จักรพันธ์ ปัจจุบันอายุ 34 ซึ่งถือว่าเป็นช่วงปลายของอาชีพเช่นกัน ทว่าเขาเป็นอีกคนที่ถูกยกย่องจากผู้คนในวงการลูกหนัง ถึงความเก่งกาจที่มี

แน่นอนว่าวัฏจักรของโลกไม่มีสิ่งใดจีรังและยั่งยืนยาว

ฟุตบอลก็ไม่ได้รับการยกเว้น

คลื่นลูกใหม่ ย่อมมาแรงกว่าคลื่นลูกเก่า - ผู้เล่นอายุน้อย ก็ย่อมเติบใหญ่มาทดแทนรุ่นพี่กันรุ่นต่อรุ่น



ด้วยพละกำลัง, สภาพร่างกาย, การรับรู้เรื่องของแท็กติกและอีกหลายหลากที่นักเตะหนุ่มได้เปรียบในเรื่องนี้

ดังนั้นสิ่งเดียวที่ผู้เล่นที่อายุมากกว่าเหนือกว่ารุ่นน้องคือ "ประสบการณ์"

ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องอาศัยความเจนจัดในการรับมือสถานการณ์ต่างๆ ระหว่าง 90 นาทีให้ได้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุด

ตรงนี้เองที่ผู้เล่นประเภทเก๋าๆ มักจะเอาอยู่เมื่อเผชิญหน้ากับความกดดัน ผิดกับนักเตะอายุน้อย ที่อาจจะผิดฟอร์มไปเลย เมื่อเจอภาวะบีบคั้น จนหลายๆ คนถูกตะเพิดออกจากสนามไปเลยก็มี

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน โลกของฟุตบอลเปลี่ยนแปลงไปไวมาก โดยเฉพาะเรื่องของแท็กติกที่เข้ามามีส่วนสำคัญในการตัดสินผลการแข่งขัน

รูปแบบการเล่นของฟุตบอลยุคนี้เรื่องของ "พละกำลัง" เป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพราะเมื่อที่คุณมีความฟิตสมบูรณ์ อะไรๆ มันก็จะทำได้ง่ายขึ้น

ดังนั้นนักเตะอายุที่เริ่มอายุมากขึ้นจึงมักจะถูกมองว่าไม่เข้ากับแท็กติกที่ต้องใช้พลังร่างกายสักเท่าไหร่

เป็นเรื่องจริง ที่วิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาช่วยยืดระยะเวลาในของการค้าแข้งให้ยาวขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าร่างกายของมนุษย์ทุกหมู่เหล่าย่อมมีขีดจำกัด

สิ่งที่นักเตะอายุมากต้องทำคือรักษาความฟิตของตัวเองและรู้จักวิธีการเล่นอย่าง "ชาญฉลาด"

จักรพันธ์ และ สุมัญญา แสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้

ไม่จำเป็นต้องวิ่งเยอะเหมือนผู้เล่นหนุ่มๆ แต่ทุกครั้งที่ขยับ ตัวเองและทีมต้องได้ประโยชน์



ผลงานใน ไทยลีก 6 นัด ที่ผ่านมาบ่งชี้ได้ชัดเจนว่า จักรพันธ์ และ สุมัญญา โดดเด่นเพียงใด

ตัวเลขไม่เคยโกหกใคร

จักรพันธ์ ที่เพิ่งย้ายจาก บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด มาร่วมทัพ ชลบุรี เอฟซี ก่อนเปิดฤดูกาล 2022-23 ทำไปแล้ว 3 แอสซิสต์ กับอีก 1 ประตู พร้อมกับนำราชันมังกรรั้งอันดับ 5 ของตาราง โดยที่แข่งน้อยกว่าทีมอื่น (เกมกับ แบงค็อก ยูไนเต็ด แข่งไม่จบ เพราะฝนตกหนัก)

ส่วน สุมัญญา เพิ่งเปลี่ยนมาสวมยูนิฟอร์มของ ชลบุรี เอฟซี เนื่องจากไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของ มาโกโตะ เทกูระโมริ กุนซือ บีจี ปทุม ยูไนเต็ด

ก่อนจะมาเป็นสมาชิกของฉลามชล ยังมีข่าวออกมาเลยว่าเขาต้องดิ้นรนหาสโมสรเล่น กระทั่งมาลงเอยกับอดีตแชมป์ ไทยลีก 2007 และก็ตอบแทนด้วยผลงานที่ยังยอดเยี่ยมเช่นเคยกับการทำไป 2 แอสซิสต์ โดยเฉพาะในเกมบุกถล่ม เมืองทอง ยูไนเต็ด 5-1 เพลย์เมเกอร์ชาวร้อยเอ็ด คนนี้ได้รับคำสรรเสริญจากทั่วทุกสารทิศ

ท่ามกลางกองกลางฝีเท้าดีมากมายในเมืองไทย ไม่ว่าจะเป็น ชนาธิป สรงกระสินธุ์, สารัช อยู่เย็น, พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, พิชา อุทรา, ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ, เชาว์วัฒน์ วีระชาติ, ศิวกรณ์ เตียตระกูล, ธนวัฒน์ ซึ้งจิตถาวร และคนอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งแต่ละรายก็อายุไม่ถึง 30 ทั้งนั้น (มีเพียง สารัช ที่ 30 พอดี)

ทว่า จักรพันธ์ และ สุมัญญา กลับมาติดโผทีมชาติไทย อีกครั้ง